ข้อควรพิจารณาก่อนจะทำสัญญาเช่าโรงงาน

การเช่าโรงงาน โกดังหรือคลังสินค้า กลายเป็นทางเลือกใหม่ของนักธุรกิจและผู้ประกอบการในปัจจุบัน เพราะการเช่าสถานที่เหล่านี้ตอบโจทย์มากกว่าทั้งเรื่องความประหยัด ความคล่องตัว และความสะดวกสบาย แต่หนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการเช่าโรงงานไปจนถึงโกดังและคลังสินค้าก็คือ “การทำสัญญา” นั่นเองค่ะ

วันนี้เราจะมาแนะนำข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับการทำสัญญาเช่าโรงงาน โกดังและคลังสินค้า จะมีข้อควรรู้ ควรระมัดระวัง หรือมีอะไรที่ผู้ประกอบการควรทราบก่อนเซ็นสัญญาเช่าหรือไม่ เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมก่อนทำการเช่าโรงงานหรือโกดังคลังสินค้าได้มั่นใจยิ่งขึ้นค่ะ

 1.     อ่านสัญญาเช่าอย่างละเอียดทุกหน้า

ก่อนเซ็นสัญญาใด ๆ เราต้องทำการอ่านรายละเอียดสัญญาฉบับนั้นก่อนเสมอ การเซ็นสัญญาเช่าโรงงานเองก็เช่นกันค่ะ ผู้ประกอบการหรือผู้ต้องการเช่าโรงงานหรือโกดังคลังสินค้าควรอ่านรายละเอียดในสัญญาและทำความเข้าใจเงื่อนไขต่าง ๆ ในสัญญาอย่างละเอียดนอกจากนี้อย่าลืมส่วนของราคาค่าเช่าต่อเดือน จำนวนค่ามัดจำและค่าเช่าล่วงหน้าที่ต้องจ่ายในการเซ็นสัญญาเช่า

นอกจากนี้หากสัญญาเช่าที่ใช้เป็นภาษาอังกฤษก็ควรมีสัญญาเช่าภาษาไทยที่แปลมาอย่างถูกต้อง และความหมายตรงกันแนบมาด้วยเสมอ เนื่องจากการติดต่อกับทางราชการไทยนั้นยังต้องใช้สัญญาเช่าที่มีฉบับแปลภาษาไทยมาด้วยอยู่นั่นเองค่ะ

 

2.      ภาษีที่เกี่ยวข้องและค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ภาษีหัก ณ ที่จ่ายในการเช่าโรงงาน โกดังหรือคลังสินค้านั้นตามปกติแล้วผู้เช่าต้องทำการหัก ณ ที่จ่าย 5% ของค่าเช่า และภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งโรงงานและโกดังคลังสินค้าจะจัดอยู่ในประเภทที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นนอกจากการประกอบเกษตรกรรมและเป็นที่อยู่อาศัย มีอัตราการเสียภาษีตามมูลค่าราคาประเมินของทรัพย์สินนั้นๆค่ะ ส่วนฝ่ายใดจะเป็นผู้รับชอบภาษีส่วนนี้นั้น เป็นการตกลงระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่าซึ่งควรระบุไว้ในสัญญาเช่าให้ชัดเจน ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ จะแตกต่างออกไปตามแต่ผู้ให้เช่าแต่ละรายจะเป็นผู้กำหนด ส่วนใหญ่มักประกอบไปด้วยประกันภัยทรัพย์สิน ค่าส่วนกลาง และค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น

 

3.      ตรวจสอบความเป็นเจ้าของทรัพย์ที่เช่า

ก่อนเซ็นสัญญาเช่าโรงงานและทำการจ่ายเงินมัดจำ ผู้ต้องการจะเช่าโรงงานหรือโกดังคลังสินค้าควรตรวจสอบความเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ต้องการจะเช่าว่า ผู้ที่เราทำสัญญาด้วยนั้นเป็นเจ้าของหรือมีสิทธิ์ในทรัพย์ที่ให้เช่านั้นจริงหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบได้ได้จากโฉนดที่ดิน หนังสืออนุญาตก่อสร้าง หรือสัญญาเช่าช่วงของทรัพย์ที่จะเช่า เป็นต้น โดยที่ผู้ให้เช่าควรแนบหลักฐานการเป็นเจ้าของทรัพย์ที่เช่าไว้ท้ายสัญญาด้วย

 

4.      ดูขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ

ปกติแล้วสัญญาเช่าโรงงานหรือโกดังคลังสินค้าควรระบุหน้าที่รับผิดชอบของผู้เช่าและผู้ให้เช่าอย่างชัดเจน ในสัญญาควรระบุว่าผู้เช่าอาคารต้องดูแลรักษาส่วนไหนและผู้ให้เช่าอาคารต้องดูแลรักษาส่วนไหน ยกตัวอย่างเช่น สัญญาเช่าระบุว่าหากเกิดความเสียหายกับอาคารหรืออุปกรณ์ที่ไม่ได้เกิดจากความประมาทหรือความผิดพลาดของผู้เช่า ผู้ให้เช่าต้องเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขในส่วนที่เสียหาย เป็นต้น

 

5.      ตรวจสภาพโรงงานและโกดังคลังสินค้าที่จะเช่า

ก่อนเซ็นสัญญาเช่าโรงงาน โกดัง หรือคลังสินค้า ผู้เช่าควรตรวจสภาพอาคารโรงงานและโกดังคลังสินค้าที่จะเช่า รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในอาคารสถานที่นั้นให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน หากมีส่วนไหนที่ต้องซ่อมแซมควรรีบแจ้งต่อผู้ให้เช่า อีกทั้งควรตรวจสอบจำนวนกุญแจประตูทั้งหมดของทรัพย์ที่เช่าว่าได้รับถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ ควรมีรูปถ่ายสภาพอาคารทั้งภายในและภายนอก รวมถึงรายการวัสดุอุปกรณ์ในอาคารโรงงานและโกดังคลังสินค้าที่จะเช่าประกอบสัญญาเช่าเพื่อไว้อ้างอิงในอนาคตด้วยนะคะ

ดังนั้นก่อนเซ็นสัญญาเช่าโรงงานหรือเช่าคลังสินค้า ผู้เช่าควรอ่านรายละเอียดข้อตกลงที่ระบุไว้ในสัญญาให้ถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาขั้นต่ำในการเช่า ราคาค่าเช่า จำนวนเงินค่ามัดจำ กฎระเบียบต่าง ๆ ของโครงการให้เช่าโรงงานและคลังสินค้า รวมไปถึงการดูแลรักษาอาคารโรงงานและโกดังคลังสินค้าในกรณีที่ต้องซ่อมแซมด้วย ยอมเสียเวลาสักนิดเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันทั้งของฝ่ายตัวเราเองและผู้ให้เช่าดีกว่ามีปัญหาทีหลังนะคะ